วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

“ความรู้พื้นฐานของผู้ทำสมาธิ” สรุปพระธรรมเทศนา วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม 2553

สิ่งที่สำคัญของนักปฏิบัติธรรมคือ “ความคิด”

คนทั่วไปชอบตั้งกำแพงไว้ก่อน ตั้งกำแพงใจว่าจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แปลว่าไม่ใช่ ถ้าเรายังไม่เข้าใจตรงนี้ อย่างน้อย 10 ปี เราจะนั่งธรรมะไม่ไปไหนเลย!!!

การฝึกสมาธินั้นต้องใช้ใจเห็น แต่ปกติมนุษย์ใช้ตาเห็น... เวลาที่เราหลับตาแล้ว เราคิดว่าไม่เห็นอะไร อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเราติดว่าจะต้องเห็นชัดเหมือนที่เรามองเห็นด้วยตาของเรา และเราไม่คุ้นที่จะใช้ใจมอง... แต่ความเป็นจริงนั้น เราใช้ใจเห็นบ่อยๆ.. อย่างเช่นตอนฝัน

มาตรฐานการมองของตน กับมาตรฐานการเห็นของใจ จะเอามาเทียบกันไม่ได้... เราสามารถใช้ใจมองได้ชัดมากกว่าที่ตามมองเห็นได้หลายเท่านัก แต่การมองเห็นด้วยใจมันจะเริ่มจากน้อยๆ ก่อน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนบ้านที่เราคุ้นเคย นึกครั้งใดก็ย่อมเห็นได้ชัดเจนในใจ

ถ้าเราไม่มั่นใจว่าการนึก คือ การเห็นด้วยใจแล้ว เราก็จะไม่ก้าวหน้า... เวลาที่เราหลับตาแล้วมืด คือการมองด้วยตา แต่ในขณะที่หลับตา ให้ใช้ความรู้สึก นึกถึงภาพองค์พระ แม้ไม่ชัด แม้ชั่วครู่ ก็จะถือว่าได้เห็นด้วยใจแล้ว

เราต้องมีความมั่นใจเสียก่อนว่า... “ถ้าเรานึกได้ ก็คือการเห็นด้วยใจแล้ว”

จะฝึกสมาธิ จะต้องรู้จักมองด้วยใจเสียก่อน แล้วค่อยๆ นึกให้ได้บ่อยๆ ต่อเนื่อง ก็จะเกิดความคุ้นเคยและนั่งธรรมะได้ดีขึ้น
การเห็น กับ การนึก คือสิ่งเดียวกัน ให้นึกว่าตัวเรากับองค์พระเป็น 1 เดียวกัน.. นึกเหมือนว่า 2 คนอยู่ในร่างเดียวกัน ต้องคิดแบบพระ พูดแบบพระ ทำแบบพระ องค์พระคือตัวเรา ตัวเราคือองค์พระ

การพูดคือการอธิษฐานจิต ดังนั้นเราต้อง คิดดี พูดดี ทำดี เพื่อให้จิตเราละเอียดยิ่งขึ้น สิ่งที่เราต้องหมั่นทำบ่อยๆ คือ การเอาใจไปตั้งไว้ ณ ที่ตั้งของใจ เหมือนโชเฟอร์ ที่จะต้องอยู่ในที่คนขับ รถจึงจะขับเคลื่อนไปได้
การนั่งธรรมะ หากตั้งใจมาก ก็เครียด ดังนั้นไม่ต้องตั้งใจมาก แต่ต้องตั้งใจมั่น แต่ถ้าหากในบางครั้งเราเกิดลืมที่จะวางใจ ณ ที่ตั้งของใจแล้ว ก็ให้ช่างมัน ตั้งใจทำปัจจุบันต่อไปไม่ต้องซีเรียส

พื้นฐานของนักปฏิบัติธรรมทุกคนต้องรู้ คือจะต้องยึดศูนย์กลางกายให้ได้ตลอดเวลา และใจเราจะค่อยๆ ละเอียด ถ้าเราไม่เอาใจจรดศูนย์กลางกาย คือ เราประมาทอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น